สัญญาค้ำประกันที่คู่สมรสไม่ได้ยินยอมด้วย ผลทางกฎหมายจะเป็นอย่างไร |
---|
การทำนิติกรรมสัญญาระหว่างสมรสจะต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน หากได้กระทำไปโดยพลการหรือไม่ได้รับความยินยอมจากคู่สมรสแล้ว นิติกรรมสัญญานั้นๆ ย่อมเป็นหนี้ส่วนตัวไม่ใช่หนี้สมรส แต่หากว่าคู่สมรสได้ให้ความยินยอมแก่การทำนิติกรรมสัญญานั้นๆ แล้ว ย่อมถือว่าเป็นหนี้สินสมรส ทั้งนี้เป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๔๙๐ ( ๔) ที่บัญญัติว่า หนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกันนั้นให้รวมถึงหนี้ที่สามีหรือภริยาก่อให้เกิด ยกตัวอย่างเช่น นาง ก ได้ทำสัญญาค้ำประกันให้แก่นาย เอ โดยนาง ก มีสามีชื่อ นาย ข นาย ข ได้ทำหนังสือให้ความยินยอมต่อธนาคารว่า หากนาง ก ได้ก่อหนี้หรือค้ำประกันให้แก่นาย เอ ถือว่า นาย ข ได้ให้ความยินยอมในการก่อหนี้หรือค้ำประกันของนาง ก ด้วย ต่อมานาง ก ได้ก่อหนี้ โดยทำการค้ำประกันสัญญากู้ยืมเงินที่นาย เอ ได้กู้ยืมเงินจากธนาคาร อีก ๑ ฉบับ ทำให้มีผลเท่ากับเป็นการให้ความยินยอมภายหลังจากที่นาง ก ได้ทำสัญญาค้ำประกันฉบับหลัง เท่ากับว่า หนี้ตามสัญญาค้ำประกันเป็นหนี้สมรส เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี เจ้าหนี้จะต้องดำเนินการฟ้องคดีให้ลูกหนี้รับผิดตามสินสมรสนั้น จะต้องทำการฟ้องคดีทั้งสามีและภริยา หากว่าเจ้าหนี้ฟ้องคดีแก่ลูกหนี้แต่เพียงคู่สมรสฝ่ายเดียวแล้ว ย่อมไม่อาจยึดทรัพย์ของผู้ที่ไม่ได้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ คำพิพากษาอ้างอิง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 445/2540
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอบังคับจำเลยทั้งสามชำระหนี้ตามสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ของบริษัทบอน์นาเฟคดี้ จำกัดศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 20,835,795.82 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 12,444,458.83 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จทั้งนี้จำเลยแต่ละคนต้องรับผิดไม่เกินวงเงินที่ค้ำประกันไว้ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 10253 ถึง10265 แขวงบางบอน เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างกับเครื่องจักรพร้อมอุปกรณ์รวม 6 เครื่อง ขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ก็ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสามขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ แต่จำเลยทั้งสามไม่ชำระ โจทก์จึงขอหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 72511 แขวงบางบอน เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานครตีราคา 5,250,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2กึ่งหนึ่ง เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา |
โจทก์ ขาดนัด ยื่นคำให้การ |